สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ แบบไหน ‘อันตราย’ หรือ ‘ขับต่อได้’
  1. Car
LiamTaylor1 February 2024

สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ แบบไหน ‘อันตราย’ หรือ ‘ขับต่อได้’

สัญลักษณ์ไฟเตือนบนหน้าปัดรถยนต์เป็นหนึ่งในสิ่งที่คนขับรถควรเรียนรู้และเข้าใจความหมายอย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที โดยทั่วไปสัญลักษณ์ไฟเตือนบนหน้าปัดรถยนต์สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ สัญลักษณ์ไฟเตือนสีแดง เป็นสัญลักษณ์ไฟเตือนที่บ่งบอกถึงความผิดพลาดหรืออันตรายร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ ซึ่งคนขับรถควรหยุดรถและดับเครื่องยนต์ทันทีเพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหา โดยสัญลักษณ์ไฟเตือนสีแดงที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ ไฟเตือนเครื่องยนต์ (Check Engine) เป็นสัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์หรือรูปเครื่องหมายอัศเจรีย์ โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อเครื่องยนต์เกิดปัญหา เช่น ระบบหัวฉีดน้ำมันมีปัญหา, เซ็นเซอร์ออกซิเจนทำงานผิดปกติ, หรือระบบจุดระเบิดมีปัญหา ไฟเตือนระบบหล่อเย็น (Coolant Temperature) เป็นสัญลักษณ์รูปเทอร์โมมิเตอร์ โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่ออุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นสูงเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากการรั่วซึมของหม้อน้ำ, วาล์วน้ำเสีย, หรือปั๊มน้ำไม่ทำงาน ไฟเตือนระบบน้ำมันเครื่อง (Oil Pressure) เป็นสัญลักษณ์รูปกระป๋องน้ำมันเครื่อง โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อแรงดันน้ำมันเครื่องต่ำเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากการรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง, ปั๊มน้ำมันเครื่องเสีย, หรือกรองน้ำมันเครื่องอุดตัน ไฟเตือนระบบเบรก (Brake System) เป็นสัญลักษณ์รูปวงเล็บวงกลมที่มีเครื่องหมายอัศเจรีย์อยู่ตรงกลาง โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อระบบเบรกเกิดปัญหา เช่น ผ้าเบรกสึกหรอ, น้ำมันเบรกพร่อง, หรือเซ็นเซอร์เบรกทำงานผิดปกติ ไฟเตือนระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ (Power Steering) เป็นสัญลักษณ์รูปพวงมาลัย โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อระบบพวงมาลัยเพาเวอร์เกิดปัญหา เช่น น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์พร่อง, ปั๊มพวงมาลัยเพาเวอร์เสีย, หรือสายพานพวงมาลัยเพาเวอร์ขาด […]

สัญลักษณ์ไฟเตือนบนหน้าปัดรถยนต์เป็นหนึ่งในสิ่งที่คนขับรถควรเรียนรู้และเข้าใจความหมายอย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที โดยทั่วไปสัญลักษณ์ไฟเตือนบนหน้าปัดรถยนต์สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่

  1. สัญลักษณ์ไฟเตือนสีแดง เป็นสัญลักษณ์ไฟเตือนที่บ่งบอกถึงความผิดพลาดหรืออันตรายร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ ซึ่งคนขับรถควรหยุดรถและดับเครื่องยนต์ทันทีเพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหา โดยสัญลักษณ์ไฟเตือนสีแดงที่พบได้ทั่วไป ได้แก่

    • ไฟเตือนเครื่องยนต์ (Check Engine) เป็นสัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์หรือรูปเครื่องหมายอัศเจรีย์ โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อเครื่องยนต์เกิดปัญหา เช่น ระบบหัวฉีดน้ำมันมีปัญหา, เซ็นเซอร์ออกซิเจนทำงานผิดปกติ, หรือระบบจุดระเบิดมีปัญหา
    • ไฟเตือนระบบหล่อเย็น (Coolant Temperature) เป็นสัญลักษณ์รูปเทอร์โมมิเตอร์ โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่ออุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นสูงเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากการรั่วซึมของหม้อน้ำ, วาล์วน้ำเสีย, หรือปั๊มน้ำไม่ทำงาน
    • ไฟเตือนระบบน้ำมันเครื่อง (Oil Pressure) เป็นสัญลักษณ์รูปกระป๋องน้ำมันเครื่อง โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อแรงดันน้ำมันเครื่องต่ำเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากการรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง, ปั๊มน้ำมันเครื่องเสีย, หรือกรองน้ำมันเครื่องอุดตัน
    • ไฟเตือนระบบเบรก (Brake System) เป็นสัญลักษณ์รูปวงเล็บวงกลมที่มีเครื่องหมายอัศเจรีย์อยู่ตรงกลาง โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อระบบเบรกเกิดปัญหา เช่น ผ้าเบรกสึกหรอ, น้ำมันเบรกพร่อง, หรือเซ็นเซอร์เบรกทำงานผิดปกติ
    • ไฟเตือนระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ (Power Steering) เป็นสัญลักษณ์รูปพวงมาลัย โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อระบบพวงมาลัยเพาเวอร์เกิดปัญหา เช่น น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์พร่อง, ปั๊มพวงมาลัยเพาเวอร์เสีย, หรือสายพานพวงมาลัยเพาเวอร์ขาด

    สัญลักษณ์ไฟเตือนสีแดงเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ไฟเตือนที่อันตรายที่สุด และควรได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันความเสียหายร้ายแรงต่อรถยนต์และผู้ขับขี่

  2. สัญลักษณ์ไฟเตือนสีเหลืองหรือสีส้ม เป็นสัญลักษณ์ไฟเตือนที่บ่งบอกถึงความผิดพลาดหรือปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข แต่ไม่จำเป็นต้องหยุดรถทันที โดยคนขับรถสามารถขับรถต่อไปได้ แต่ควรนำรถเข้ารับการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด โดยสัญลักษณ์ไฟเตือนสีเหลืองหรือสีส้มที่พบได้ทั่วไป ได้แก่

    • ไฟเตือนระบบ ABS (Anti-lock Braking System) เป็นสัญลักษณ์รูปวงกลมที่มีตัวอักษร ABS อยู่ตรงกลาง โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อระบบ ABS เกิดปัญหา เช่น เซ็นเซอร์ ABS ทำงานผิดปกติ, ปั๊ม ABS เสีย, หรือสายไฟ ABS ขาด
    • ไฟเตือนระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Control) เป็นสัญลักษณ์รูปรถยนต์ที่ลื่นไถล โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวเกิดปัญหา เช่น เซ็นเซอร์วัดความเร็วล้อทำงานผิดปกติ, เซ็นเซอร์วัดมุมหักล้อทำงานผิดปกติ, หรือระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวทำงานผิดปกติ
    • ไฟเตือนระบบยาง (Tire Pressure Monitoring System) เป็นสัญลักษณ์รูปยางรถยนต์ โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อแรงดันลมยางต่ำเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากยางรั่ว, เซ็นเซอร์วัดแรงดันลมยางทำงานผิดปกติ, หรือระบบยางทำงานผิดปกติ
    • ไฟเตือนระบบไฮบริด (Hybrid System) เป็นสัญลักษณ์รูปรถยนต์ที่มีตัวอักษร H อยู่ตรงกลาง โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อระบบไฮบริดเกิดปัญหา เช่น แบตเตอรี่ไฮบริดเสื่อมสภาพ, เครื่องยนต์ไฮบริดทำงานผิดปกติ, หรือระบบไฮบริดทำงานผิดปกติ
    • ไฟเตือนระบบเกียร์ (Transmission) เป็นสัญลักษณ์รูปเกียร์ โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อระบบเกียร์เกิดปัญหา เช่น น้ำมันเกียร์พร่อง, เกียร์ทำงานผิดปกติ, หรือระบบเกียร์ทำงานผิดปกติ

    สัญลักษณ์ไฟเตือนสีเหลืองหรือสีส้มเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ไฟเตือนที่ไม่ร้ายแรงเท่ากับไฟเตือนสีแดง แต่ก็ควรได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์และผู้ขับขี่

  3. สัญลักษณ์ไฟบอกสถานะ เป็นสัญลักษณ์ไฟเตือนที่บ่งบอกถึงสถานะการทำงานของระบบต่างๆ ในรถยนต์ ซึ่งไม่ใช่สัญลักษณ์ไฟเตือนที่อันตราย แต่คนขับรถควรรู้จักและเข้าใจความหมายเพื่อให้สามารถใช้รถยนต์ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย โดยสัญลักษณ์ไฟบอกสถานะที่พบได้ทั่วไป ได้แก่

    • ไฟเตือนไฟหน้า (Headlamps) เป็นสัญลักษณ์รูปไฟหน้า โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อเปิดไฟหน้า
    • ไฟเตือนไฟเลี้ยว (Turn Signals) เป็นสัญลักษณ์รูปลูกศร โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อเปิดไฟเลี้ยว
    • ไฟเตือนไฟเบรก (Brake Lights) เป็นสัญลักษณ์รูปไฟเบรก โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อเหยียบเบรก
    • ไฟเตือนไฟถอยหลัง (Reverse Lights) เป็นสัญลักษณ์รูปลูกศรชี้ลง โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง
    • ไฟเตือนไฟฉุกเฉิน (Hazard Lights) เป็นสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยม โดยไฟเตือนนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อเปิดไฟฉุกเฉิน

    สัญลักษณ์ไฟบอกสถานะเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ไฟเตือนที่ไม่ใช่สัญลักษณ์ไฟเตือนที่อันตราย แต่คนขับรถควรรู้จักและเข้าใจความหมายเพื่อให้สามารถใช้รถยนต์ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

โดยทั่วไปแล้วสัญลักษณ์ไฟเตือนบนหน้าปัดรถยนต์จะมีคำอธิบายความหมายของสัญลักษณ์กำกับไว้ในคู่มือรถยนต์ของแต่ละรุ่น ผู้ขับขี่รถยนต์จึงควรศึกษาและทำความเข้าใจความหมายของสัญลักษณ์ไฟเตือนบนหน้าปัดรถยนต์ของตนเองอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

0 View | 0 Comment