เช็ครถก่อนเดินทางไกลในช่วงเทศกาล มีจุดใดบ้าง?
ช่วงเทศกาลถือเป็นช่วงที่หลายคนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวต่างจังหวัด ดังนั้น การเตรียมความพร้อมของรถยนต์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ควรตรวจสอบสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางไกล โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล ซึ่งมีจุดที่ต้องตรวจสอบ ดังนี้ ระบบเบรก: ตรวจสอบผ้าเบรกและจานเบรกว่ายังอยู่ในสภาพดีและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ น้ำมันเบรกมีระดับเพียงพอหรือไม่ โดยทั่วไปควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทุก 2 ปีหรือ 40,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน ระบบยางรถยนต์: ตรวจสอบดอกยางว่าสึกหรอมากน้อยเพียงใด แรงดันลมยางเหมาะสมหรือไม่ และสังเกตว่ามีรอยร้าวหรือบวมผิดปกติหรือไม่ ให้สังเกตรอย R ประกบกับช่องว่างดอกยาง หากขอบ R จมลงไปในดอกยางแล้ว แสดงว่ายางสึกหรอจนควรเปลี่ยนใหม่แล้ว ระบบไฟรถยนต์: ตรวจสอบว่าไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉิน และไฟต่างๆ ภายในรถทำงานได้ปกติหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรรีบซ่อมแซม ก่อนเดินทางไกล ระบบน้ำหล่อเย็น: ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและคุณภาพของน้ำยาหล่อเย็น ไม่ควรปล่อยให้น้ำหล่อเย็นพร่องหรือเสื่อมสภาพเพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดและเกิดความเสียหายได้ ควรเติมน้ำหล่อเย็นหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นตามระยะเวลาที่กำหนดในคู่มือรถ ระบบน้ำมันเครื่อง: ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและคุณภาพของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องเก่าที่เสื่อมสภาพจะไม่สามารถหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากปล่อยไว้นานอาจทำให้เครื่องยนต์สึกหรอและเกิดความเสียหายได้ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนดในคู่มือรถ แบตเตอรี่: ตรวจเช็คสภาพแบตเตอรี่ว่ายังใช้งานได้ดีหรือไม่ โดยสังเกตจากสัญญาณไฟเตือนบนหน้าปัดรถ และวัดแรงดันแบตเตอรี่ หากพบว่าแบตเตอรี่อ่อนหรือเสื่อมสภาพ แนะนำให้รีบเปลี่ยนใหม่ทันที เพื่อป้องกันแบตเตอรี่หมดกลางทาง ระบบปัดน้ำฝน: […]
ช่วงเทศกาลถือเป็นช่วงที่หลายคนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวต่างจังหวัด ดังนั้น การเตรียมความพร้อมของรถยนต์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ควรตรวจสอบสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางไกล โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล ซึ่งมีจุดที่ต้องตรวจสอบ ดังนี้
- ระบบเบรก: ตรวจสอบผ้าเบรกและจานเบรกว่ายังอยู่ในสภาพดีและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ น้ำมันเบรกมีระดับเพียงพอหรือไม่ โดยทั่วไปควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทุก 2 ปีหรือ 40,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน
- ระบบยางรถยนต์: ตรวจสอบดอกยางว่าสึกหรอมากน้อยเพียงใด แรงดันลมยางเหมาะสมหรือไม่ และสังเกตว่ามีรอยร้าวหรือบวมผิดปกติหรือไม่ ให้สังเกตรอย R ประกบกับช่องว่างดอกยาง หากขอบ R จมลงไปในดอกยางแล้ว แสดงว่ายางสึกหรอจนควรเปลี่ยนใหม่แล้ว
- ระบบไฟรถยนต์: ตรวจสอบว่าไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉิน และไฟต่างๆ ภายในรถทำงานได้ปกติหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรรีบซ่อมแซม ก่อนเดินทางไกล
- ระบบน้ำหล่อเย็น: ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและคุณภาพของน้ำยาหล่อเย็น ไม่ควรปล่อยให้น้ำหล่อเย็นพร่องหรือเสื่อมสภาพเพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดและเกิดความเสียหายได้ ควรเติมน้ำหล่อเย็นหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นตามระยะเวลาที่กำหนดในคู่มือรถ
- ระบบน้ำมันเครื่อง: ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและคุณภาพของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องเก่าที่เสื่อมสภาพจะไม่สามารถหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากปล่อยไว้นานอาจทำให้เครื่องยนต์สึกหรอและเกิดความเสียหายได้ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนดในคู่มือรถ
- แบตเตอรี่: ตรวจเช็คสภาพแบตเตอรี่ว่ายังใช้งานได้ดีหรือไม่ โดยสังเกตจากสัญญาณไฟเตือนบนหน้าปัดรถ และวัดแรงดันแบตเตอรี่ หากพบว่าแบตเตอรี่อ่อนหรือเสื่อมสภาพ แนะนำให้รีบเปลี่ยนใหม่ทันที เพื่อป้องกันแบตเตอรี่หมดกลางทาง
- ระบบปัดน้ำฝน: ตรวจสอบใบปัดน้ำฝนว่าชำรุดหรือเสื่อมสภาพหรือไม่ โดยการฉีดน้ำและสังเกตว่าปัดน้ำฝนสามารถปัดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ หากใบปัดน้ำฝนเก่าแล้วก็ควรเปลี่ยนใหม่ เพราะใบปัดน้ำฝนที่บอบชำรุดจะทำให้ปัดน้ำฝนได้ไม่ทั่วถึง แล้วอาจเกิดอันตรายได้ขณะขับรถ